รวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ ความเป็นมาต่างๆ

ที่คุณอาจไม่รู้ หรือคิดว่ารู้

ประวัติตรุษจีน

ประวัติตรุษจีน

ก่อนจะเข้าเรื่องราวประวัติของตรุษจีน ตรุษจีนประจำปี 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 โดย วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันที่ดังนี้

  • วันจ่าย ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567
  • วันไหว้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567
  • วันเที่ยว ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567

วันตรุษจีน ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567

วันตรุษจีนคือเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ซึ่งเป็นเวลาที่มีการฉลองปีใหม่ตามปฎิทินจีน มีความคล้ายกับวันสงกรานต์ของไทย ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลานาน โรงเรียนปิดเทอม (ปิดเรียนฤดูหนาว) และบางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ในวันตรุษจีน, ห้างร้านและหน่วยงานต่างๆ จะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อเตรียมตัวในการจัดงานปีใหม่

ในช่วงวันตรุษจีน, มีการทำความสะอาดบ้านเรือนให้สะอาดสดใสในปีใหม่ ร้านค้า, ห้างสรรพสินค้า, และตลาดเต็มไปด้วยคนมาจับจ่ายใช้สอย มีการซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติและเพื่อนสนิท ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ตลาดคราคล่ำเต็มไปด้วยคนที่มาซื้อปลา, เนื้อสัตว์, เป็ด, ไก่ และอื่นๆ ทุกคนดูแจ่มใสและมีความสุข นอกจากนี้, เด็กๆ สวมเสื้อใหม่, ทานลูกกวาด, และเล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง ชาวไทยที่เชื้อสายจีนจะปฏิบัติตามประเพณีนี้เป็นเวลา 3 วัน ได้แก่ วันจ่าย, วันไหว้, และวันเที่ยว

วันจ่าย ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567

ตรุษจีน ปี 66

วันจ่าย คือวันก่อนวันสิ้นปีที่ชาวไทยที่มีเชื้อสายจีนจะไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านพักผ่อนยาว. ไม่จำเป็นต้องจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ (地主爺 / 地主爷 ตี่จู๋เอี๊ยะ) ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการบูชาจากเจ้าบ้าน. หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว เพราะว่าเจ้าที่ไม่ได้ไปไหนเมื่อสี่วันที่แล้ว ตัวเราส่งแต่ เจ้าซิ้ง หรือเจ้าเตา

วันไหว้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567

ประวัติวันตรุษจีน

ตอนเช้ามืดจะไหว้ “ป้ายเล่าเอี๊ย” (拜老爺 / 拜老爷) เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ โดยใช้เครื่องไหว้ที่ประกอบด้วย เนื้อสัตว์สามอย่าง (ซาแซ ซำเช้ง) เช่น หมู เป็ด ไก่ และเพิ่มตับ ปลา เป็นเนื้อสัตว์ห้าอย่าง (โหงวแซ) รวมถึงเหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง

ตอนสาย จะไหว้ “ป้ายแป๋บ้อ” (拜父母) ซึ่งเป็นการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ ญาติ และพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว การไหว้ครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่เกินเที่ยง และเครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล ซึ่งถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด และสามารถแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว

ตอนบ่าย จะไหว้ “ป้ายฮ่อเฮียตี๋” (拜好兄弟) เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยใช้เครื่องไหว้ที่ประกอบด้วยขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง และมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเพื่อเป็นสิริมงคล

วันเที่ยว ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567

ประวัติ วัน ตรุษจีน

วันถือหรือวันเที่ยวคือวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่หนึ่ง (初一 ชิวอิก) ของเดือนที่หนึ่งของปี หรือ “วันตรุษจีน” ในวันนี้ชาวจีนจะปฏิบัติธรรมโบราณที่ยังต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันคือ “ป้ายเจีย” เป็นการไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะส้มออกเสียงภาษาแต้จิ๋วว่า “กิก” (橘) ไปพ้องกับคำว่าความสุขหรือโชคลาภ 吉 แปลว่า โชคลาภ หรือ ภาษาฮกเกี้ยน และ ภาษากวางตุ้ง ส้มเรียกว่า “ก้าม” (柑) ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง (金) เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำความสุขหรือโชคลาภไปให้ การมอบส้มจะเป็นจำนวน 4 ผล ที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือคือ เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน เป็นต้น

คืนก่อนวันปีใหม่จีนคือวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหารชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไปชิมไป ทานไปครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะตื่นแต่เช้าไปเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงเพื่ออวยพรปีใหม่

ประวัติวันตรุษจีนหรือวันปีใหม่จีน

ประวัติ วันตรุษจีน

วันตรุษจีน มีความคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศตะวันตก ประวัติและพิธีกรรมของการฉลองตรุษจีนมีต้นกำเนิดมานานกว่าหลายศตวรรษ (100 ปี) แต่ไม่มีการบันทึกทางประวัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับวันที่เริ่มต้นของเทศกาลนี้

วันตรุษจีน เป็นช่วงเวลาที่ฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิและมีระยะเวลายาวถึง 15 วัน การเตรียมการฉลองมักเริ่มต้นเป็นเดือนหนึ่งก่อนวันตรุษจีน (เปรียบเสมือนกับวันคริสต์มาสในตะวันตก) ที่ผู้คนจะเริ่มซื้อของขวัญ, ตกแต่งบ้านเรือน, และเตรียมอาหารในการฉลอง เวลาการทำความสะอาดครั้งใหญ่เริ่มต้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดจากบนลงล่าง, หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งแทบจะหมายถึงการกวาดเอาโชคร้ายออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่, ซึ่งสีแดงมีความนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรเช่น “อยู่ดีมีสุข”, “ร่ำรวย”, “อายุยืน” เป็นต้น

ที่มาของวันตรุษจีน มีต้นกำเนิดจากการจัดขึ้นเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ประเทศจีนมีหิมะ, ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ, จึงสามารถเพาะปลูกพืชได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดวันแรกของฤดูใบไม้ผลิในแต่ละปีว่าเป็น “วันตรุษจีน”

อาหารในวันตรุษจีน และประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ เชื่อมโยงกับทุกอย่าง เริ่มต้นจากอาหารทะเลและอาหารนึ่ง เช่น ขนมจีบ, และสลัดปลาสด ทุกอาหารมีความหมายต่างๆ เช่น กุ้งแทนชีวิตที่รุ่งเรืองและสุขภาพดี, เป๋าฮื้อแห้งแทนสิ่งทุกอย่างที่ดี, จี้ไช่ (ผมเทวดา) แทนความร่ำรวย, และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงการอวยพร

เสื้อผ้าในวันตรุษจีน การสวมเสื้อผ้าสีแดงถือเป็นการสวมเสื้อผ้าที่มีความหมายของมงคล, มีจุดมุ่งหมายที่จะไล่ปีศาจร้ายออกไป การสวมเสื้อผ้าสีดำหรือขาวถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม, เนื่องจากสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีที่เกี่ยวข้องกับความทุกข์ หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอต้อนรับวันใหม่, วันนี้จะต้องไม่โกรธ, ริษยา, หรือไม่พอใจ เพื่อความสิริมงคลที่ดีสำหรับปีถัดไป

 

# ประวัติตรุษจีน
# ตรุษจีน ปี 66
# ประวัติวันตรุษจีน
# ประวัติ วัน ตรุษจีน
# ประวัติ วันตรุษจีน
# ประวัติ ตรุษจีน
# ประวัติตรุษ จีน
# ประวัติ วัน ตรุษจีน สั้น ๆ